หลายประเทศคว่ำบาตรรุนแรงประณาม ‘ปูติน’ บุกยูเครน

เกิดเสียงประณามจากบรรดาผู้นำในหลายประเทศทั่วโลกแทบจะทันที

หลังจากที่กองทัพรัสเซียภายใต้การสั่งการจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน บุกโจมตียูเครนทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศเมื่อวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) ส่งผลให้เกิดการสู้รบปะทะกันของทหารรัสเซียกับยูเครน โดยมีรายงานการสูญเสียกำลังพลของทั้งสองฝ่าย นับเป็นการรุกรานและสู้รบรุนแรงครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งนี้ 2 เหตุโจมตีที่ผู้นำรัสเซียกล่าวต่อบรรดานักธุรกิจในรัสเซียว่า อย่างสาธารณรัฐเช็ก ประธานาธิบดีมิลอส เซมาน กล่าวแสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของรัสเซีย และยอมรับความผิดพลาดที่เคยสนับสนุนรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการใช้มาตรการลงโทษที่รุนแรงยิ่งขึ้น

เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซียจากประชาคมโลก ส่วนประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน แห่งตุรกี ประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทางรัสเซียและยูเครน ก็ลุกขึ้นต่อว่ารัสเซียเช่นกัน โดยเห็นว่ารัสเซียได้ทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของยุโรป ก่อนวิงวอนให้รัสเซียกับยูเครนแก้ปัญหาอย่างสันติ ด้านนายกรัฐมนตรียาอีร์ ลาปิด แห่งอิสราเอล ระบุว่า การกระทำของรัสเซียถือเป็นการละเมิดระเบียบโลกอย่างรุนแรง และในฐานะประเทศที่เคยได้รับผลกระทบร้ายแรงจากสงคราม อิสราเอลยืนยันว่าสงครามไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งแต่อย่างใด อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ (UN) ออกโรงขอให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ถอนกำลังทหารกลับรัสเซีย และเตือนว่าปัจจุบันนี้โลกบอบช้ำมากพออยู่แล้วจากวิกฤตการระบาดของโควิด การเกิดสงครามจะทำลายโอกาสในการฟื้นฟูโลก สำหรับนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี แห่งอิตาลี ได้ให้คำมั่นว่า อิตาลีกับสมาชิก NATO จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องอธิปไตยของยูเครน รวมทั้งความมั่นคงของยุโรปและระเบียบโลกภายใต้กฎเกณฑ์และคุณค่าร่วมกัน

บทความอื่น ๆ : แนะนำการทำ Yield Farming บน Solana รับผลตอบแทนสูง

ufabet

โดยแถลงการณ์ของ NATO เปิดเผยว่า ทาง NATO จะเพิ่มกำลังทหารในประเทศฝั่งยุโรปตะวันออกเท่าที่จำเป็น

เพื่อป้องกันการรุกรานของรัสเซีย โดยทางกลุ่มได้เริ่มใช้แผนป้องกันสำหรับสมาชิกประเทศต่างๆ แล้ว เพื่อให้ผู้บัญชาการกองกำลัง NATO มีอำนาจสั่งการเพื่อรับมือสถานการณ์ ส่วนประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสพร้อมจะตอบโต้ต่อพฤติกรรมก่อสงครามของรัสเซียอย่างเข้มแข็ง และเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาติพันธมิตร ขณะที่ประธานาธิบดีคลอส ไอโอฮานนิส แห่งโรมาเนีย ลุกขึ้นประณามการโจมตียูเครนของรัสเซีย โดยระบุว่ารัสเซียได้ละเมิดกฎหมาย ด้วยการใช้กำลังทหารโจมตีใส่ประเทศที่มีอธิปไตยและเป็นอิสระ ด้านประเทศที่ถือได้ว่ามีท่าทีที่เป็นมิตรต่อรัสเซีย

และเคยเป็นปากเป็นเสียงให้กับรัสเซียในสหภาพยุโรป (EU) เพื่อหามาตรการลงโทษเพิ่มเติม ก่อนยืนยันว่าสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่สงครามกับรัสเซีย ยกเว้นในกรณีที่รัสเซียรุกรานประเทศสมาชิกองค์การ NATO ซึ่งสหรัฐฯ มีพันธะที่ต้องช่วยปกป้องภายใต้มาตราที่ 5 ของสนธิสัญญานาโต้ ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า ขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่อันตรายของยุโรป และท่าทีแข็งกร้าวของผู้นำรัสเซียในครั้งนี้ส่งผลร้ายต่อรัสเซียเอง ขณะที่สถานกาณ์ภายในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ผ่านค่ำคืนไปอย่างเงียบเชียบ โดยประชาชนส่วนใหญ่ต่างอพยพออกจากบ้านเรือน เพื่อลี้ภัยไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่เปิดให้บริการเพื่อเป็นที่หลบภัยโดยเฉพาะ ขณะที่ทางการยูเครนประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00-07.00 น.ที่เปลี่ยนแปลงได้ทันที นอกจากการประณามแล้ว ชาติพันธมิตรตะวันตกยังเห็นชอบและสนับสนุนให้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อร่วมกดดันให้รัสเซียยุติการใช้กำลังทหารกับทางยูเครน โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ

ประกาศกร้าวว่าจะใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซีย ซึ่งครั้งนี้จะมีเป้าหมายในการจำกัดการดำเนินธุรกิจของรัสเซียกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก หลังจากที่รัสเซียบุกโจมตีอย่างเต็มรูปแบบใส่ยูเครน ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า มาตรการลงโทษชุดใหม่จะทำขึ้นเพื่อให้ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อรัสเซีย แต่จะส่งผลน้อยที่สุดต่อสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ทำให้รัสเซียถูกโดดเดี่ยวจากเศรษฐกิจโลกมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตร จำกัดการทำธุรกรรมของรัสเซียผ่านสกุลเงินดอลลาร์ ยูโร ปอนด์ และเยน และคว่ำบาตรธนาคารขนาดใหญ่ 4 แห่งของรัสเซีย พร้อมกันนี้สหรัฐฯ ยังมีนัดประชุมหารือรอบพิเศษกับสมาชิก NATO ในวันนี้ (25 กุมภาพันธ์)จำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนอย่างไม่มีทางเลือก เพราะที่ผ่านมาได้พยายามเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ความมั่นคงภายในภูมิภาคหลายครั้งแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ขณะที่ ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า การบุกครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์และสวัสดิภาพของรัสเซีย ซึ่งหมายรวมถึงพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครองจากรัสเซียด้วย อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของรัสเซียในครั้งนี้ก็เรียกเสียงประณามจากบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลก

อีกทั้งยังเตรียมพิจารณาหาทางเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรลงโทษเพิ่มเติมต่อรัสเซีย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ แห่งเยอรมนี ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งมองว่าท่าทีของจีนในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะสอดคล้องกับจุดยืนเดิมของจีนที่ยืนกรานมาโดยตลอดว่าจะไม่แทรกแซงและก้าวก่ายกิจการภายในของประเทศใดๆ และเป็นการยืนยันจุดยืนเดิมที่มีต่อสถานการณ์ในยูเครน กระนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจด้วยที่จีนยังคงสงวนท่าทีกับทางรัสเซีย ในฐานะที่จีนได้ชื่อว่าเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับรัสเซียมากที่สุดในเวลานี้ โดยอย่างน้อยก็น่าจะเป็นการให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าตามข้อตกลงซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีสัญญาณว่าจีนจะเป็นตัวแปรสำคัญในการช่วยผ่อนคลายแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่มีต่อรัสเซีย รวมถึงการสั่งซื้อข้าวสาลีจากรัสเซียเพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จีนและรัสเซียประกาศข้อตกลงซื้อขายข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์จากรัสเซีย ในขณะที่รัสเซียกำลังส่งทหารไปประจำการบริเวณพรมแดนภาคตะวันออกของยูเครน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนยังได้พยายามเลี่ยงการตอบคำถามว่า

อ่านข่าวอื่น ๆ เพิ่มเติมที่ coromandeldiscovery.com

Releated